From Seoul to Gunsan - จากกรุงโซลสู่กุนซาน

จุดเริ่มต้น 

 ทริปนี้เกิดขึ้นเพราะการดูรายการท่องเที่ยวล้วนๆ นั่งดูไปเรื่อยๆก็เกิดอาการ “คันเท้า” รู้สึกว่าต้องไปไหนสักที่ และด้วยความที่การบินจากเกาหลีไปญี่ปุ่นหรือฮ่องกง หรือไต้หวัน ไม่ใช่เรื่องยาก แถมยังบินแค่ไม่กี่ชั่วโมงด้วย เลยเริ่มจากการเสิร์ชหาตั๋วเครื่องบินไป ฮ่องกง, โตเกียว และ ไต้หวัน.... ผลปรากฏว่า ฮ่องกงกับไต้หวันนั้น ค่าตั๋วออกจะแพงไปนิด ไม่คุ้มค่ากับเวลาอันน้อยนิดที่มี ดังนั้นจึงมุ่งเป้าไปที่โตเกียว แต่เดี๋ยว!! คิดไปคิดมา เฮ้ย...จะไปนอกประเทศนี่ ไม่ใช่มีแค่ค่าตั๋วแล้วจะไปได้นะ ไหนจะค่าโรงแรม ค่ากิน ค่าเดินทาง...ไม่ไหวๆ ไว้ก่อนละกัน ดังนั้นแพลนบินออกนอกประเทศจึงเป็นอันพับเก็บไป และหันมานั่งดูแผนที่เกาหลีแทน...ผลคือ

ผลคือ...มีความรู้สึกว่าออกเที่ยวน้อยมาก! อยู่เกาหลีมาเกือบสามปี แต่แผนที่บันทึกเมืองที่เคยไปในเกาหลี กลับดูโล่งมาก พอคิดได้ดังนั้นเลยได้เวลาปรึกษา อากู๋ ผู้รู้ทุกเรื่อง...และด้วยความที่มีเวลาแค่ 1-2 วัน ดังนั้นจึงตัดที่ที่ใช้เวลาเดินทางนาน หรือ เกาะออกไป และจากที่ดูแผนที่แล้วส่วนมากมักจะเลือกไปเมืองที่อยู่ตะวันออกของเกาหลีซะส่วนใหญ่คราวนี้เลยเพิ่มเงื่อนไขอีก 1 ข้อขึ้นมา นั่นก็คือ เมืองที่ไปจะต้องอยู่ทิศตะวันตกของเกาหลีเท่านั้น

ใช้เวลาประมาณ 1 อาทิตย์ในการคิดแล้วคิดอีกว่าจะไปไหน ผลสุดท้าย หวยออกที่ กุนซาน!! อยากจะบอกว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้ว่ามีเมืองนี้อยู่ในเกาหลี ไม่เคยรู้จัก ไม่รู้ว่าอยู่ไหน และไม่รู้ว่ามีอะไร 555 แต่ในเมื่ออากู๋บอกว่าเหมาะเจาะกับเงื่อนไข ก็โอเค้ ลองดู ! 

การเดินทางสู่ กุนซาน 

การเดินทางไปกุนซานนั้น ไปได้หลายวิธี รถส่วนตัว รถบัส และ รถไฟ แน่นอนว่า รถส่วนตัวตัดไป เหลือตัวเลือกแค่สองวิธี ลองเช็คระยะเวลาที่ใช้ในการเดินทางแล้วพบว่า รถบัสเร็วกว่ารถไฟเยอะพอสมควร เวลาน้อยแบบอิชั้นเลยไม่ต้องคิดมาก เปิดแอปจองตั๋วรถบัสทันที สำหรับคนที่อยู่เกาหลี ขอแนะนำแอป 고속버스모바일 ! มันดีพร้อม มันสะดวก มันคือทุกอย่างที่ต้องการสำหรับการจองตั๋วรถบัส แต่ถ้ามาเที่ยวก็ขอแนะนำซื้อตั๋วที่สถานีได้เลยค่ะ :) ทีนี้ สถานีรถบัสเกาหลีในโซลมีหลายสถานี (ก็เหมือนบ้านเรา มีขนส่งสายเหนือ สายใต้) ดังนั้นดูให้ดีนะจ๊ะ จะได้ไม่หลง เพราะถ้านั่งรถไฟใต้ดินต้องลงที่สถานี Express Bus Terminal พอลงมาถึงทางแยก อาจจะยืนงงไปไม่เป็นได้ จับสุ่มเอาไม่ได้นะจ้า เสียเวลาเดี๋ยวตกรถ อย่างไปกุนซานนี้ต้องขึ้นบัสที่ Central City Terminal (Honum Line) แต่ถ้าไปปูซานขอให้ตรงไปที่ Seoul Express Bus Terminal (Gyeongbu/Yeongdong Line)  

สรุปการเดินทางจาก โซล -> กุนซาน
1. นั่งรถไฟใต้ดินสาย3(สีส้ม) ลงสถานี Express Bus Terminal 
2. เดินออกมาแล้วให้หาทางไป Central City Terminal ซึ่งจะอยู่ทางโรงแรมแมริออท
3. ถ้ายังไม่มีตั๋วให้ดูเวลาและจองตั๋วเลย ราคาตั๋วบัส first class (우등고속 แถวละ 3 ที่นั่ง) 18,700วอน และ บัสธรรมดา(แถวละ 4 ที่นั่ง) 12,800 วอน **ขอแนะนำแบบแรกเพื่อความสบายของก้น**
4. รถบัสจะเข้าท่าชานชาลาประมาณ 10 นาทีก่อนเวลาออกเดินทาง รถไปกุนซานนั้นจะอยู่ที่ทางออกเบอร์ 8 เดินไปคอยได้เลย
5. จากโซลไปกุนซาน ใช้เวลาโดยประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที โดยจะแวะจอดให้เข้าห้องน้ำกลางทางที่ Jeong-An Service Area (ขาไปคนเยอะมากๆ) 

ถึงกุนซานแล้ว...เอาไงต่อ? 

แน่นอนว่าระบบการขนส่งที่ต่างจังหวัดนั้นไม่เหมือนกับ ระบบการขนส่งในเกาหลี กุนซานไม่มีใต้ดิน รถเมล์ในกุนซานไม่เยอะเหมือนในโซล และถ้านั่งแท็กซี่ก็คงไม่ใช่วิถีนักท่องเที่ยวแบกเป้ เพราะฉะนั้นทริปนี้ ขอเพิ่งรถเมล์และสองเท้าเท่านั้น! พอถึงสถานีขนส่งกุนซานลงจากรถปุ๊ป ก็งงเลยค่ะ...ฉันจะไปไหน จะไปยังไง เปิดแอปสิคะ รออะไร ! สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยในการเดินทางครั้งนี้คือ Naver Map แต่เนื่องจากแอปนี้เป็นเกาหลี ดังนั้นสำหรับใครที่ไม่คุ้นเคยกับภาษาเกาหลี Google Map เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่สามารถช่วยคุณได้ หลังจากที่เปิดแอปดูแผนที่แล้วก็พบว่า สถานที่แรกที่เราจะไปนั้น ไม่ได้อยู่ไกลจากสถานีขนส่งเลย ประมาณ 1.6 กิโลเท่านั้น เพราะฉะนั้น เลือกเพิ่งสองเท้า ออกเดินทันที  


1. Gyeongam-dong Railroad Village (경암동 철길마을) 

ที่นี่เป็นซอยเล็กๆ ที่สมัยก่อนเคยมีรถไฟวิ่งผ่าน ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวกึ่งวินเทจเล็กๆ เพราะมีร้านให้นักท่องเที่ยวได้เปลี่ยนชุดย้อนวัย กลับไปใส่ชุดนักเรียนเกาหลีสมัยก่อน ถ่ายรูปกันสนุกสนาน สองข้างทางมีร้านรวงให้เลือกสรรสินค้าที่ไม่ค่อยมากมายเท่าไรนัก 555 ที่นี่อาจจะไม่ใช่สถานที่ที่ร้อง ว้าว เมื่อมาถึง และอาจจะไม่ใช่สถานที่ที่ต้องมาเยือนสักครั้งในชีวิต แต่ถ้าชอบถ่ายรูป ขอแนะนำค่ะ และถ้าเป็นไปได้ แนะนำให้มาวันธรรมดาเพราะคนจะน้อยกว่า และน่าจะเลือกมุมถ่ายรูปได้สวยกว่า วันเสาร์อาทิตย์ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวเกาหลีหลั่งไหลกันมาเรื่อยๆ 

2. Gunsan Modern History Museum (근대역사박물관) 

หลังจากเดินจนสุดทางรถไฟแล้ว ก็ได้เวลาไปสถานที่ต่อไป จาก Railroad viallage มาที่พิพิทธภัณฑ์ใช้เวลาไม่นานมาก แต่ไม่ได้อยู่ในระยะทางที่สองเท้าจะพาเดินไปได้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องพึ่งรถเมล์ (ป้ายรถเมล์อยู่หน้า E-mart นะจ๊ะ ถ้าอยู่ตรงนั้นจะเห็นอีมาร์ทตั้งตระหง่าน) สามารถขึ้นรถเมล์สาย 59 และ 81 ได้ โดยสาย 59 ให้ไปลงที่ สถานี 내항사거리 (Naehang Crossroad : นับไปสถานีที่ 6 จากที่ขึ้น) และสาย 81 ให้ลงที่ 중앙사거리 (Jungang Crossroad : นับไปสถานีที่ 8 จากที่ขึ้น) พอลงที่สถานีแล้วแนะนำเปิดแอพ แผนที่ เพราะต้องเดินไปอีกนิดหน่อย แต่ไม่ยากรับรอง ที่นี่เหมาะสำหรับคนที่ชอบประวัติศาสตร์เกาหลีในช่วงที่เกาหลีตกอยู่ใต้อาณานิคมของญี่ปุ่น โดยจะเน้นช่วงประมาณ ค.ศ. 1920-1930 มีการกล่าวถึงการปลดแอกจากญี่ปุ่น กลุ่มบุคคลที่มีส่วนสำคัญในการเรียกร้องเอกราช คนญี่ปุ่นที่เข้ามาทำการค้าขายในเมืองกุนซานในยุคอาณานิมคม รวมถึงมีการจำลองความเป็นอยู่ของคนเกาหลีในยุคนั้นด้วย 

3. Jinpo Maritime Theme Park (군산시 진포해양테마공원) 

ที่นี่อยู่ด้านหลังพิพิทธภัณฑ์ เพราะฉะนั้นเดินมาได้ชิลๆ สบายๆ ที่นี่มิใช่สวนสาธารณะที่เหมาะจะมานั่งปิกนิกหรืออะไร แต่เป็นพาร์คที่มีเรือรบเกาหลีเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชม (ซึ่งเราเข้าชมแล้วแต่ไม่ค่อยอินเท่าไร) ภายในจะมีการอธิบายตั้งแต่เริ่มแรกที่เกาหลีสามารถผลิตปืนใหญ่ ดินปืน รวมทั้งมีการอธิบายวิถีชีวิตของทหารเรือเกาหลีเอาไว้ (รายละเอียดขอสารภาพว่าไม่รู้ เพราะไม่ได้อ่าน และดูผ่านๆ ^^;;;) ด้านนอกเรือนั้นจะมีเครื่องบินรบและรถถังจัดแสดงอยู่ เด็กๆอาจจะชอบ แต่เราไม่ค่อยอินเท่าไร สิ่งที่ชอบที่สุดของที่นี่คงเป็นเพราะมันอยู่ติดทะเล ได้นั่งชิลๆอยู่พักใหญ่ก่อนจะออกเดินต่อ 

4. Old Photo Studio (초원사진관) 

ก่อนมาที่นี่รู้อยู่แล้วว่าที่นี่ไม่มีอะไร 555 รู้แล้วมาทำไม??? คำตอบง่ายๆเลย ก็คือ เขามากัน ใครมากุนซานก็มักจะมาที่นี่กันทั้งนั้น ก็เลยรู้สึกว่าถ้าไม่มาจะเสียเที่ยว สาเหตุที่ที่นี่มีคนมาเยี่ยมชมอยู่ตลอดเวลาคงเป็นเพราะมันเป็นสถานที่ถ่ายทำหนังดังเรื่องหนึ่งของเกาหลี ชื่อ 'Chirstmas in August' ซึ่งตัวเองก็ไม่เคยดู สรุปแล้วที่นี่เราใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที ก็เดินออก เผอิญด้านนอกมีสองหนุ่มมายืนร้องเพลงอยู่เลยนั่งฟังสักแป๊ป พักเอาแรง ก่อนออกเดินไปยังจุดหมายปลายทางต่อไป (บอกแล้วทริปนี้เราเพิ่งสองเท้า เดินมันทั้งวัน)  

5. Japanese-style House of Sinheung-dong/ Hirotsu House (신흥동 일본식가옥/히로쓰가옥) 

ถ้าได้เที่ยวพิพิทธภัณฑ์มาแล้วจะรู้สึกได้เลยว่าเมืองนี้เป็นเมืองหนึ่งที่มีความสำคัญในช่วงสมัยเกาหลีตกเป็นอาณานิคมอยู่มาก และที่สำคัญมีคนญี่ปุ่นจำนวนมากเข้ามาทำการค้าที่นี่ ดังนั้นอารายธรรมญี่ปุ่นจึงยังคงหลงเหลืออยู่บ้างในเมืองแห่งนี้ บ้านหลังนี้อาจไม่ได้ใหญ่มากมาย แต่บอกเลยว่า เข้าไปแล้วรู้สึกถึงความเป็นญี่ปุ่นทันที...นอกจากน้ันบ้านหลังนี้ยังเป็นอีกหนึ่งหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของเกาหลีในยุคอาณานิคมอีกด้วย 


Introduction 
Gunsan Japanese-style House of Sinheung-dong was designated as Registered Cultural Heritage No. 183 in 2005. The area of Sinheung-dong, where the Hirotsu House is located, was a residential area for the wealthy class during the Japanese occupation period and the Hirotsu House was constructed by Hirotsu, a man who ran a linen shop. A lot of Korean movies and dramas such as ‘The General’s Son’, ‘Fighter in the Wind’, and ‘Tazza’ were filmed in this house. The house is a typical Japanese two-story timber house, keeping the original forms of its roof, outer walls, inside area and the Japanese-style garden which has significant meaning in regards to the architecture history. 
Credit :http://english.visitkorea.or.kr/enu/ATR/SI_EN_3_1_1_1.jsp?cid=1601865

6. Gowoodang (고우당) 


หลังจากที่ออกจากบ้านญี่ปุ่นก็ตั้งใจจะกลับโซลละ ระหว่างทางเดินไปขึ้นรถเมล์ สายตาก็เหลือบไปเห็นบ้านที่ดูยังไงก็ไม่ใช่สไตล์เกาหลี ก็เลยหยุดถ่ายรูป แล้วก็เดินเข้าไปข้างในซะหน่อย ปรากฏว่าข้างในมีทั้งที่พักและร้านขายกาแฟ ถ่ายรูปเสร็จก็โบกมือลา กลับมาโซลแล้วเพิ่งได้มาเสิร์ชหาว่าที่นั่นมีความเป็นมายังไง สรุปว่า มันอาคารที่สร้างในช่วงเกาหลีเป็นอาณานิคมของญี่ปุ่น ดังนั้นสถาปัตยกรรมจึงเป็นแบบญี่ปุ่น และปัจจุบันเปิดเป็นที่พักแก่นักท่องเที่ยว คำว่าโกอูดังนั้น เป็นภาษาถิ่นของชอลลาโด แปลว่า ความงาม แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาใช้พูดยังไงในประโยคแบบนั้น ต้องบอกเลยว่าความรู้ภาษาถิ่นของเกาหลีนี้เป็น ศูนย์ ฮาๆ เป็นอันว่าจบทริปนี้แบบขาลาก เพราะเดินเยอะมาก เหนื่อยมาก แต่ก็สนุกมากเช่นกัน ใครเบื่อโซล ใครอยากลองไปเที่ยวนอกโซลบ้าง ใครอยากไปในที่ที่แทบไม่มีคนต่างชาติเลย ขอเชิญให้ลองไปเดินเล่น เดินเที่ยวที่กุนซานดู อาจจะได้เห็นอะไรที่แตกต่างออกไป และมองเกาหลีในมุมใหม่ๆด้วย 


" Life is a journey! 
Make the most of it"

Comments